ลักษณะการต่อสาย LAN หรือที่เรียกกันว่า topology โดยทั่วไปมี 3 แบบใหญ่ คือ
1. แบบ STAR หรือเรียกว่าแบบดาว คือ การต่อโหนด หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ กับอุปกรณ์ที่ใช้เป็นศูนย์กลางซึ่งอาจจะเป็น ฮับ (hub) ไฟล์เซิร์ฟเวอร์ (File server) หรือ เกตเวย์ (Gateway) ศูนย์กลางจะทำหน้าที่เป็นศูนย์ควบคุมเส้นทางการสื่อสาร การสื่อสารข้อมูลแบบ Star นี้ จะเป็นแบบ 2 ทิศทาง โดยจะอนุญาตให้มีเพียงเครื่องเดียวเท่านั้นที่ส่งข้อมูลเข้าเครือข่ายได้ เครื่องอื่น ๆ จะส่งข้อมูลเข้าเครือข่ายจึงทำไม่ได้ในเวลาเดียวกัน ทั้งนี้เพื่อป้องกันการชนกันของสัญญาณข้อมูล
ข้อดี
- สามารถทำการติดตั้งเครือข่ายและทำการดูแลรักษาได้ง่าย
- สามารถทำการตรวจสอบโหนดที่เสียหายได้ และศูนย์กลางสามารถตัดโหนดนั้นออกจากการสื่อสารในเครือข่ายได้
ข้อเสีย
- เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางมีราคาแพง
- ถ้าคอมพิวเตอร์ศูนย์กลางเสียจะทำให้การสื่อสารทั้งระบบเสียตามด้วย
2. แบบ BUS เป็นการเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ทุกตัวจะเชื่อมต่อเข้ากับสายสื่อสารหลักที่อยู่ตรงกลางที่เรียกว่า BUS การควบคุมสายสื่อสารในเครือข่ายแบบ BUS มี 2 แบบ คือ ควบคุมด้วยศูนย์กลาง ซึ่งจะมีเครื่องหนึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางควบคุมการสื่อสารในเครือข่าย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไฟล์เซิร์ฟเวอร์ และอีกแบบหนึ่งคือ การควบคุมแบบกระจาย ทุก ๆ เครื่องในเครือข่ายมีสิทธิ์ในการที่จะควบคุมการสื่อสารในเครือข่าย
ข้อดี
- สามารถติดตั้งระบบ ดูแลรักษา และติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมได้ง่าย
ข้อเสีย
- ระบุจุดที่เสียหายในสาย BUS ได้ยาก และเครื่องที่อยู่ถัดจากจุดที่เสียหายก็ไม่สามารถสื่อสารข้อมูลได้
3. แบบ RING เป็นการเชื่อมต่อแบบรอยต่อกันเป็นวงผ่านทุกเครื่องในระบบจนครบ การส่งผ่านข้อมูลต่อกันเป็นวงกลมจากต้นทางไปจนถึงปลายทาง ข้อมูลข่าวสารจะไหลวนอยู่ในเครือข่ายไปในทิศทางเดียวกับวงแหวน แต่ละโหนดหรือสเตชั่นจะมีรีพีตเตอร์ (Repeater) ประจำเครื่องเพื่อทำหน้าที่เพิ่มเติมสัญญาณที่ใช้ในการสื่อสาร
ข้อดี
- สามารถส่งข้อมูลไปยังผู้รับได้หลาย ๆ โหนดได้ในเวลาเดียวกัน
- ไม่มีการชนกันของสัญญาณเพราะจะส่งสัญญาณจากโหนดสู่โหนดเป็นวงแหวน
ข้อเสีย
- ถ้าโหนดใดโหนดหนึ่งเสียหายข้อมูลไม่สามารถส่งผ่านไปยังโหนดต่อ ๆ ไปได้ และทำให้ทั้งเครือข่ายขาดการติดต่อสื่อสารได้
- การติดตั้งเครือข่ายทำได้ยาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น