มนุษย์เริ่มรู้จักการสื่อสารข้อมูลมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยโบราณเรารู้จักการใช้จดหมายผูกไปกับนกพิราบสื่อสาร พัฒนาเป็นการส่งข้อมูลผ่านโทรเลข การพูดคุยผ่านโทรศัพท์และในที่สุดก็พัฒนาเป็นการสื่อสารข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์
การพัฒนาการสื่อสารข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์เริ่มมีแนวคิดมานานแล้ว โครงการที่สำคัญของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นโครงการเกี่ยวกับทางทหาร ต้องการที่จะเชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์ในประเทศเข้าด้วยกัน และคิดค้นหาวิธีที่จะป้องกันไม่ให้การสื่อสารของทั้งระบบต้องหยุดชะงัก หากเส้นทางการสื่อสารบางเส้นทางถูกทำลายไป ระบบจะต้องมีความสามารถในการเลือกหาเส้นทางการสื่อสารเส้นทางอื่นที่ใช้งานเป็นปกติได้ ในที่สุดระบบดังกล่าวนี้ก็ได้ถูกพัฒนาใช้ขึ้นมาเพื่อการศึกษาวิจัย และใช้ในเชิงพาณิชย์ในที่สุด ซึ่งก็คือระบบเครือข่ายอินเทอร์เนตในปัจจุบันนั่นเอง ปัจจุบันระบบเครือข่ายอินเทอร์เนตนับว่ามีบทบาทมากมายมหาศาล และนับวันจะยิ่งเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของมนุษย์เข้าไปทุกที
การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน จะมีจุดประสงค์เพื่อสามารถให้ใช้ทรัพยากรร่วมกัน ผู้ที่ใช้งานอยู่บนคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง จะสามารถใช้บริการทรัพยากรของเครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปได้ สำหรับจุดมุ่งหมายอื่น เช่นเพื่อเน้น ความน่าเชื่อถือของระบบ และการลดค่าใช้จ่ายลง
โครงสร้างของเครือข่าย
ภายในเนตเวอร์กจะมี เครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทต่างๆ ที่ทำหน้าที่ตามคำสั่งของผู้ใช้จะเรียกว่า Host (end system) ซึ่งระบบแรกๆจะถูกเชื่อมผ่าน subnet แต่ในระยะหลังเนื่องจากมีขนาดเครือข่ายกว้างขวางขึ้น รวมทั้งมีความซับซ้อนของการสื่อสารข้อมูลมากขึ้น จะมีระบบสลับข้อมูลเข้ามาช่วยในการสื่อสารข้อมูลระบบสลับข้อมูลนี้จะเรียกว่า IMP (Interface Message processor) บางทีอาจจะเรียกว่า package switching node หรือ intermediate system ก็มี
ปกติรูปแบบการเชื่อมต่อจะเป็นแบบ จุดถึงจุด (point to point) และแบบกระจาย (broadcast channel)
การเชื่อมต่อแบบจุดถึงจุด จะประกอบด้วยสายเคเบิล หรือสายสื่อสารเชื่อมต่อระหว่าง IMP ของแต่ละจุดเข้าด้วยกัน ในกรณีต้องการจะทำการสื่อสารระหว่าง IMP ซึ่งไม่มีสายสื่อสารเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน จะต้องทำการส่งผ่าน IMP ตัวอื่นๆที่อยู่ใกล้เคียงแทน เมื่อกลุ่มของข้อมูล (message หรือ packet) ถูกส่งจาก IMP ออกมาแล้ว IMP ตัวกลางจะทำการเก็บแพคเก็ตเอาไว้ รอจนกระทั่งสายที่ใช้ส่งว่างแล้วจึงส่งแพคเก็ตออกไป วิธีแบบนี้จะถูกเรียกว่า store and forward หรือ packet switched
การเชื่อมต่อแบบกระจาย จะมีช่องทางเชื่อมสัญญาณเพียงช่องทางเดียว และต้องใช้ร่วมกับเนตเวอร์กอื่นๆ เมื่อแพคเก็ตถูกส่งออกไปแล้ว IMP อื่นๆจะได้รับสัญญาณในเวลาที่ใกล้เคียงกัน เมื่อ IMP ได้รับสัญญาณแล้วจะตรวจดูว่าเป็นแพคเก็ตของตนหรือไม่ ได้จาก address ภายในแพคเก็ตนั้น หากไม่ตรงกับ address ของตนเอง แพคเก็ตนั้นก็จะถูกทิ้งไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น